เวลาเลือกซื้อสีน้ำมัน นอกจากเกรดของสีแล้ว สิ่งที่เราพิจารณาต่อมาคือชนิดของ Binder (ไบน์เดอร์) หรือสารยึดเกาะ ซึ่งสีน้ำมันแต่ละยี่ห้อจะใช้ Binder ที่แตกต่างกัน โดย Binder จะทำหน้าที่เหมือนเป็นกาวที่ยึดโมเลกุลของผงสีไว้ด้วยกัน และมีผลโดยตรงต่อคุณภาพสีและความแข็งแรงของชั้นสี
ทำไมต้องรู้ชนิดของน้ำมันที่ใช้เป็น Binder?
เพราะน้ำมันแต่ละชนิดมีคุณสมบัติและอัตราการแห้งที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าใช้สีหลายยี่ห้อร่วมกัน ก็ต้องรู้ชนิดของ Binder เพื่อจะได้ทราบว่าควรลงอะไรก่อนหลัง--- น้ำมันที่แห้งเร็วต้องอยู่ด้านล่างน้ำมันที่แห้งช้าเสมอ ตามกฎ “Fat over Lean” ถ้าไม่ทำตามกฎจะทำให้ภาพแตกลาย ในเวลาต่อมา
“Fat over Lean” คือ กฎเหล็กในการเขียนภาพสีน้ำมัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากลิงค์ด้านล่างค่ะ
สำหรับคนที่วาดภาพสไตล์ Alla prima หรือการวาดแบบเปียกบนเปียก เลเยอร์เดียวจบ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องชนิดของ Binder สามารถใช้สีต่างยี่ห้อร่วมกันได้เลย อ่านรายละเอียดของการวาดแบบ Alla prima ได้จากลิ้งค์ด้านล่างค่ะ
น้ำมัน Drying oil ที่นิยมนำมาใช้เป็น Binder มีอยู่ 4 ชนิด ดังนี้ 1. Linseed oil น้ำมันลินสีด 2. Walnut oil น้ำมันวอลนัท 3. Safflower oil น้ำมันดอกคำฝอย 4. Poppy seed oil น้ำมันเมล็ดดอกป๊อปปี้
1. Linseed oil น้ำมันลินสีด
- เป็นน้ำมันที่แห้งเร็วที่สุด - ได้ชั้นสีที่แข็งแรงที่สุด - ได้ภาพวาดที่มีอายุยืนยาวที่สุด - เสียอย่างเดียว คือ มีความเหลืองมากกว่าน้ำมันชนิดอื่น จึงไม่นิยมนำมาใช้กับสีขาว สีฟ้าอ่อน เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ความเหลืองของน้ำมันอาจทำให้สีภาพเปลี่ยนได้ - ภาพที่วาดด้วยสีน้ำมันที่ใช้ Linseed oil ถ้าเก็บภาพไว้ในที่มืดจะทำให้ภาพเหลืองขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (ภาษาอังกฤษเรียกว่า Dark Yellowing) เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้นำภาพออกจากที่เก็บ ให้ถูกแสงซัก 3-4 วัน ความเหลืองของภาพจะค่อยๆ ลดลง (ระวังอย่าเอาภาพไปตากแดดโดยตรง ให้นำภาพไว้ในที่ร่ม ที่มีแสงไฟและความสว่างก็พอ)
2. Walnut oil น้ำมันวอลนัท
- เป็นน้ำมันที่แห้งช้ากว่าลินสีด - ได้ชั้นสีที่แข็งแรงรองจากลินสีด - ราคาแพง - กลิ่นไม่แรงเท่าน้ำมันลินสีด - สีเหลืองน้อยกว่าลินสีด จึงนิยมใช้ผสมกับสีอ่อน เช่น ขาวหรือฟ้า - นิยมใช้ใน Layer บนๆ - เป็นน้ำมัน Binder ที่เก่าแก่และใช้กันมานานตั้งแต่สมัยเรเนซองส์ Leonardo Davinci เองก็ใช้น้ำมันวอลนัทในการเขียนภาพ
3. Safflower oil น้ำมันดอกคำฝอย
- เป็นน้ำมันที่แห้งช้า - ราคาถูก - ชั้นสีไม่แข็งแรงเท่าน้ำมันลินสีดและวอลนัท - สีน้ำมันไม่ค่อยเหลืองค่อนข้างใส นิยมใช้ผสมกับสีอ่อน เช่น ขาวหรือฟ้า - ทำให้เนื้อสี ลื่น นิ่ม เขียนง่ายกว่าลินสีด - ด้วยความที่แห้งช้า สีบางยี่ห้อที่ใช้ Safflower oil เป็น Binder มักจะผสมสารที่ช่วยให้แห้งเร็วลงไปด้วย - Safflower oil เป็นน้ำมันประเภท semi-drying oil ในบางกรณีจึงพบปรากฏการ์ณ “Re-liquifying” คือ สีน้ำมันที่แห้งแล้วได้กลายสภาพเป็นของเหลวใหม่และไหลย้อยลงมา (มักพบในบริเวณที่เป็นสีหนา impasto) ดังนั้นถ้าต้องการ Binder ที่ทำให้ภาพแข็งแรงคงทนได้นาน น้ำมันประเภทนี้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด
4. Poppy seed oil น้ำมันเมล็ดดอกป๊อปปี้
- เป็นน้ำมันที่แห้งช้าที่สุด - ราคาแพงที่สุด - ชั้นสีไม่แข็งแรงเท่าน้ำมันลินสีดและวอลนัท - สีน้ำมันเหลืองน้อยที่สุด จึงนิยมใช้กับสีอ่อน เช่น ขาวหรือฟ้า - เนื่องจากเป็นน้ำมันที่แห้งช้าจึงเหมาะกับการเขียนแบบ Alla prima เพราะภาพจะเปียกอยู่ได้นาน หรือใช้ลงสีในเลเยอร์บนเท่านั้น ไม่ควรใช้กับชั้นรองพื้น
สรุปคุณสมบัติของน้ำมันทั้ง 4 ชนิด
อัตราการแห้ง Drying Rate
สีที่ใช้น้ำมันลินสีดเป็น Binder จะแห้งเร็วที่สุด ถ้าเขียนภาพหลายชั้น สีที่แห้งเร็วต้องอยู่ด้านล่าง สีที่แห้งช้าต้องอยู่ด้านบนเสมอตามกฎ “Fat over Lean” ไม่อย่างนั้นภาพจะแตกลายในเวลาต่อมา
แต่ถ้าวาดภาพด้วยสไตล์ Alla prima หรือการวาดแบบเปียกบนเปียก เลเยอร์เดียวจบ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องชนิดของ Binder สามารถใช้สีต่างยี่ห้อร่วมกันได้เลย
ความแข็งแรงของชั้นสี Paint Film Strength
น้ำมันที่ให้ชั้นสีที่แข็งแรงที่สุด คือ น้ำมันลินสีด ทำให้ภาพที่วาดมีอายุยืนยาวมากกว่าการใช้น้ำมันชนิดอื่น ส่วน Poppy seed oil ให้ชั้นสีที่แข็งแรงน้อย ควรใช้กับเลเยอร์บนสุด หรือใช้กับวาดบน Panel มากกว่าวาดบนผ้าใบที่ขึงกับโครงเฟรม
ความเหลืองของน้ำมัน Yellowing
น้ำมันที่อยู่ใน Binder ทุกชนิด ทำให้ภาพเหลืองขึ้นตามกาลเวลาอยู่แล้ว แต่น้ำมันที่มีความเหลืองมากที่สุด คือ น้ำมันลินสีด จึงไม่นิยมใช้กับสีขาว,ฟ้าอ่อน,ม่วงอ่อน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปความเหลืองของน้ำมันอาจทำให้ภาพที่วาดสีเพี้ยนได้
สีน้ำมันหลายยี่ห้อจึงเลือกใช้ Linseed oil เป็น Binder หลัก และใช้ Safflower oil เฉพาะกับสีขาวและฟ้าเท่านั้น
ราคา Price
Binder ที่ผู้ผลิตเลือกใช้นั้นมีผลต่อราคาสีน้ำมัน ถ้าเลือกใช้ Binder ราคาแพง สีน้ำมันก็จะมีราคาแพงไปด้วย หลายยี่ห้อจึงใช้ Safflower oil เพราะเป็นน้ำมันที่ราคาถูกและไม่เหลือง แต่ก็มีข้อเสียที่แห้งช้าและให้ชั้นสีที่ไม่แข็งแรงนัก
ตารางเปรียบเทียบ Binder ของสีน้ำมันเกรดอาร์ทติส
- บางยี่ห้อใช้ Binder เป็นน้ำมันหลายชนิดผสมกัน
- บางยี่ห้อใช้ Binder ที่ต่างกันไปในแต่ละสี เช่น ใช้ลินสีดเป็นหลัก แต่ใช้ Safflower oil เฉพาะสีขาว
- ถ้าเน้นความคงทนยาวนานของภาพ ให้เลือกยี่ห้อที่ใช้ Binder เป็นน้ำมันลินสีด
- ถ้าเน้นเรื่องสีภาพเปลี่ยนแปลงน้อย ให้เลือกยี่ห้อที่ใช้ Binder เป็น Safflower oil, Walnut oil, Poppy seed oil (ธรรมชาติของน้ำมันทุกตัว เมื่อเวลาผ่านไปจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหมด ต่างแค่เหลืองมากเหลืองน้อยเท่านั้น)
- ถ้าสีของภาพส่วนใหญ่เป็นสีขาวหรือฟ้า ควรเลือกยี่ห้อที่ใช้ Binder เป็น Safflower oil, Walnut oil, Poppy seed oil
#Binders #oilpaintingbinders #howtochooseoilpaint #oilpainting #oilpaintingforbeginner #linseedoil #walnutoil #saffloweroil #poppyseedoil #dryingoils #paintyoustudio #การเลือกซื้อสีน้ำมัน #สารยึดเกาะ #น้ำมันลินสีด #น้ำมันวอลนัท #น้ำมันดอกคำฝอย #น้ำมันเมล็ดดอกป๊อปปี้ #สีน้ำมัน#สีน้ำมันสำหรับผู้เริ่มต้น#ภาพสีน้ำมัน#ภาพเหมือนสีน้ำมัน#รับวาดภาพเหมือนสีน้ำมัน
Komentarze